วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

12. ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory Cooperative or Collaborative)

⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈⬉⬆⬈

ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory Cooperative or Collaborative)
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ (http://www.learners.in.th/blogs/posts/386486) กล่าวไว้ว่าแนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้บริหารการศึกษา
กลุ่มดอนทอง52 (http://dontong52.blogspot.com/) กล่าวไว้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นการเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกัน ช่วยกันเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม นักศึกษาคนสำคัญ ได้แก่ สลาวิน เดวิดจอห์นสัน และรอเจอร์ จอห์สัน
1. องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน  
2) การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด  
3) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน  
4) การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย  
5) การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
2. ผลของการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น  
2) มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น  
3) สุขภาพจิตดีขึ้น
3. ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็นทางการ  
2) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือย่างไม่เป็นทางการ  
3) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างถาวร
          ที่มา: ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ. (2553). http://www.learners.in.th/blogs/posts/386486. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561

(http://www.oknation.net)  ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ว่า  แนวคิดขอทฤษฏีนี้ คือ  การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 6 คน  ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม  โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน  ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้  การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้  มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด  มีการสัมพันธ์กัน  มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม  มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม  และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ โดยวิธีการที่ หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน  และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม  เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่มเดียว
ที่มา: http://www.oknation.net. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561

            (http://web.officelive.com/99.aspx) ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ว่า  ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of  Cooperative or Collaborative Learning) สลาวิน(Slavin) เดวิด จอห์นสัน (David  Johnson) และรอเจอร์ จอห์นสัน (Roger Johnson)  พบว่า  การส่งเสริมการเรียนแบบร่วมมือ  สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี  และได้เรียนรู้ทักษะทางสังคมและการทำงานร่วมกับผู้อื่น  องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือมี 5  ประการ ได้แก่
          1. การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน              
          2. การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
          3. ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
          4. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
          5. การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
ที่มา:  http://web.officelive.com/99.aspx. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561

สรุป:ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory Cooperative or Collaborative)
แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้บริหารการศึกษา ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นการเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกัน ช่วยกันเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม นักศึกษาคนสำคัญ ได้แก่ สลาวิน เดวิดจอห์นสัน และรอเจอร์ จอห์สัน
1. องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน  
2) การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด  
3) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน  
4) การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย  
5) การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
2. ผลของการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น  
2) มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น  
3) สุขภาพจิตดีขึ้น
3. ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ  
1) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็นทางการ  
2) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือย่างไม่เป็นทางการ  
3) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างถาวร

แหล่งอ้างอิง
     ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ. (2553). http://www.learners.in.th/blogs/posts/386486. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561
     http://www.oknation.net. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561
     http://web.officelive.com/99.aspx. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 7/กรกฎาคม/2561

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น